บัวขอบหน้าต่าง ติดตั้งใช้งานได้จริง เบา ปลอดภัยระยะยาว

บัวขอบหน้าต่าง เรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้ ตกแต่งภายใน ภายนอก

มีคำพูดในวงการตกแต่งบ้านที่น่าสนใจว่า

“ขอบหน้าต่าง คือจุดที่เล็กที่สุดในบ้าน แต่เป็นจุดที่คนจำได้มากที่สุด”

เพราะสิ่งที่เรียกว่า “บัวขอบหน้าต่าง” ไม่ได้มีหน้าที่แค่ความสวย
แต่มันคือขอบเขตระหว่าง “งานสถาปัตย์” กับ “งานช่าง” ที่เชื่อมทั้งสองเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

หลายคนคิดว่า บัวขอบหน้าต่างมีไว้แค่ตกแต่ง
แต่ในมุมช่าง — มันคือส่วนสำคัญที่ทำให้หน้าต่างดูดี เเก้งานได้ทั้งงานขอบผนังไม่สวย ไม่ได้ฉาก น้ำซึม และช่วยจบงานได้แบบสมบูรณ์ที่สุด

บัวขอบหน้าต่าง คือ

บัวขอบหน้าต่าง คืออะไร?

บัวขอบหน้าต่าง คือ เส้นตกแต่งรอบขอบวงกบหน้าต่าง ที่ใช้ปิดรอยต่อระหว่างผนังและกรอบหน้าต่าง
ทำหน้าที่ทั้งเพิ่มความสวยงาม และช่วยป้องกันน้ำซึมเข้าผนังหรือวงกบในงานภายนอก

อาจแบ่งตามการใช้งานได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ

  • บัวขอบหน้าต่างภายนอก – ติดด้านนอกของอาคาร ป้องกันน้ำฝนและเพิ่มมิติมักใช้แบบลายเรียบๆ ไม่ค่อยเน้นรายละเอียดลายเเกะสลัก
  • บัวขอบหน้าต่างภายใน – ติดด้านในของห้อง เน้นงานละเอียดสวยงามเป็นหลัก

แม้จะดูเป็นแค่เส้นรอบหน้าต่าง แต่บัวขอบหน้าต่างคือ “จุดเก็บงานสุดท้ายของผนังภายนอก” ที่บ่งบอกถึงคุณภาพ การใส่ใจรายละเอียดของมุมหน้าต่างบ้าน

บัวหน้าต่างภายนอก

บ้านที่มี “บัวขอบหน้าต่าง” กับไม่มี ต่างกันอย่างไร?

ลองจินตนาการบ้าน 2 หลังที่เหมือนกันทุกอย่าง —
แต่หลังหนึ่งติด “บัวขอบหน้าต่างสีขาวเรียบ” อีกหลังไม่มีเลย

บ้านแรกจะดู “จบ” กว่าในทันที
ขอบหน้าต่างดูสะอาด มีมิติ และให้ความรู้สึกแพง แม้ใช้วัสดุเดียวกันทุกประการ

ขณะที่บ้านที่ไม่มีบัวขอบหน้าต่าง ขอบรอยต่อมักเห็นรอยปูน รอยทาสี หรือช่องว่างเล็ก ๆ ที่ฝุ่นเข้าได้ง่าย

และในระยะยาว ความต่างนี้จะชัดขึ้น —
บ้านที่ไม่มีบัวขอบหน้าต่าง มักมีปัญหาเรื่องรอยแตกร้าวหรือคราบน้ำฝนซึมผนัง
แต่บ้านที่มีบัวติดขอบหน้าต่างกลับดูใหม่อยู่เสมอ

จุดเด่นของบัวขอบหน้าต่างที่ดี

  1. เพิ่มความเรียบร้อยให้ผนังรอบหน้าต่าง
    เส้นบัวช่วยปิดรอยต่อระหว่างกรอบและปูน ทำให้ขอบดูจบแบบงานโรงแรม
  2. ช่วยกันฝนและความชื้นได้จริง
    บัวขอบหน้าต่างภายนอกจะมีขอบลาดหรือปีกยื่นเล็กน้อย เพื่อให้น้ำไหลออกจากผนัง ไม่ย้อนเข้า
  3. เพิ่มมิติให้กับบ้านโดยไม่ต้องรีโนเวท
    การติดบัวขอบหน้าต่างสวย ๆ ทำให้บ้านธรรมดาดูมีเส้นสายที่ชัดขึ้น เหมือนอาคารยุโรปหรือบ้านโมเดิร์นลักชัวรี
  4. ซ่อมง่ายในอนาคต
    หากมีรอยแตกร้าว สามารถแกะบัวเฉพาะจุดและซ่อมได้โดยไม่ต้องรื้อผนังทั้งหมด

บัวขอบหน้าต่าง โมเดิร์น & คลาสสิก จากอดีตสู่อนาคต

  1. บัวขอบหน้าต่างภายนอก

เหมาะกับบ้านเดี่ยว อาคาร และคอนโดที่ต้องเจอแดดฝนตลอดเวลา
วัสดุ PU (Polyurethane) บัวขอบหน้าต่าง สำเร็จรูป โดนน้ำได้ไม่บวมน้ำ โดนเเดดได้

💡 Tip: ตรวจสอบให้ดีว่าน้ำเข้าหน้าต่างจากสาเหตุใด หากจะเลือกบัวขอบหน้าต่างภายนอกไปเพื่อช่วยกันฝน ต้องเเก้ปัญหาให้ถูกจุด

บัวขอบหน้าต่างภายนอก

  1. บัวขอบหน้าต่างภายใน

เน้นความสวยงามและสไตล์ที่ชอบ เช่น บัวขอบหน้าต่างโมเดิร์น หรือบัวขอบหน้าต่างลายเรียบ
มักใช้สีเดียวกับผนังหรือขาวอมเทา เพื่อให้กลมกลืนหรือโดดเด่นกว่าแล้วเเต่ชอบ
ใช้คู่กับบัวพื้นหรือบัวฝ้าในแบบใกล้เคียงกัน จะช่วยให้เส้นสายภายในห้องสมดุลต่อเนื่อง

บัวขอบหน้าต่างภายใน

  1. บัวขอบหน้าต่างโค้ง และ บัวขอบหน้าต่างวงกลม

บัวขอบหน้าต่างโค้ง ปัจจุบันนิยมใช้เเพร่หลาย โดยเฉพาะสำบ้านสไตล์ยุโรปหรือเมดิเตอร์เรเนียน

ซึ่งวัสดุคิ้วบัว PU สามารถดัดโค้งและเก็บรายละเอียดงานได้ดี จึงเหมาะกับหน้าต่างทรงโค้งและวงกลมมากที่สุด

วัสดุยอดนิยมของบัวขอบหน้าต่าง

วัสดุ จุดเด่น ข้อควรระวัง
ไม้ ราคาถูก เหมาะกับงานภายใน ดูแลเรื่องปลวกและความชื้น
ปูนปั้น แข็งแรง เหมาะกับงานภายนอก น้ำหนักเยอะจึงนิยมทำหน้างาน น้ำหนักมาก ที่สูงต้องเจาะยึดติดตั้งอย่างดี
PU (โพลียูรีเทน) ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก ทำสีทับได้ มีแบบให้เลือกเยอะ เป็นงานติดตั้งที่ต้องเก็บรายละเอียดทำสีอีกครั้ง

เลือก “บัวขอบหน้าต่าง” ให้เหมาะกับบ้าน

  1. ดูตำแหน่งติดตั้งก่อนเลือกวัสดุ
    • ภายนอก → ใช้ PU หรือ PVC ที่กันแดดฝนได้
    • ภายใน → ใช้ไม้หรือ PU สีเข้ากับผนัง
  2. เลือกขนาดตามสัดส่วนหน้าต่าง
    • หน้าต่างทั่วไป → บัวขนาด 5–12.5 ซม. (2-5นิ้ว)
    • หน้าต่างใหญ่ → บัวขนาด 13–20 ซม. 5 นิ้วขึ้นไป
  3. เลือกโทนสีให้เข้ากับผนังและกรอบ
    สีขาวเหมาะกับบ้านคลีน ๆ
    สีเทาเข้มหรือครีม เหมาะกับบ้านโมเดิร์นเรียบหรู ทำสีเดียวกับผนังได้เเต่อาจจะทำอ่อนหรือเข้มกว่าผนังเพื่อไม่ให้สีกลืนกัน
  4. อย่าลืมเรื่องการระบายน้ำ
    บัวขอบหน้าต่างกันฝนควรมี slope หรือขอบลาดเล็กน้อย เพื่อไม่ให้น้ำขัง

ติดบัวขอบหน้าต่าง

ขั้นตอนการติดบัวขอบหน้าต่าง

  1. วัดขนาดขอบรอบวงกบให้พอดีทุกด้าน
  2. ตัดมุม 45 องศา เพื่อให้บัวเข้ามุมสนิท
  3. ทำความสะอาดพื้นผิวก่อนติดตั้ง
  4. ใช้กาว PU หรือซิลิโคนเกรดช่าง ยึดแน่นกับผนัง
  5. ยิงแม็กเพิ่มความแข็งแรง
  6. เก็บรอยต่อด้วยซิลิโคนกันน้ำ และทาสีปิดงานให้เรียบเนียน

สไตล์ยอดนิยมของ “บัวขอบหน้าต่างสวย ๆ”

  • บัวขอบหน้าต่างโมเดิร์น – ลายเรียบ เส้นบาง สีเดียวกับผนัง
  • บัวขอบหน้าต่างยุโรป – เส้นหนา มีหัวบัวนูนและขอบโค้งมน
  • บัวขอบหน้าต่างมินิมอล – ใช้บัวเส้นบาง สีขาวด้านหรือเทาอ่อน
  • บัวขอบหน้าต่างแบบคลาสสิก – มีลายเส้นซ้อนหรือลูกฟักขนาดเล็ก

ราคาบัวขอบหน้าต่าง โดยประมาณ ไม่ลงรายละเอียด (อัพเดต 2025)

ประเภทวัสดุ ช่วงราคา (บาท/เมตร) หมายเหตุ
PVC 70–180 ราคาถูก ทำสีแล้ว ทำสีทับไม่ได้ มีแบบให้เลือกน้อย ใช้ภายใน
ไม้ 70–350 ราคาถูกเเพง แล้วเเต่ประเภทไม้ ใช้งานภายใน ต้องดูเเลเรื่องปลวกเเละความชื้น
ปูนปั้น 100–450 หนัก แข็ง มีแบบให้เลือกน้อย ต้องเจาะผนัง เหมาะกับงานภายนอก
PU 200–300 การติดตั้งต้องเก็บรายละเอียดทำสีทับอีกครั้งในขั้นตอนสุดท้าย


ราคาบัวขอบหน้าต่าง PU โพลียูรีเทน

ขนาด ราคาต่อเส้น (ยาว2.40 m.) รวม VAT
5 cm. (2 นิ้ว) ประมาณ 350-450 บาท
7.5 cm. (3 นิ้ว) ประมาณ 450-550 บาท
10 cm. (4 นิ้ว) ประมาณ 500-650 บาท
12.5 cm. (5 นิ้ว) ประมาณ 600-750 บาท
บัวหน้าต่าง ราคาเท่าไหร่ ตามขนาด ?

บัวขอบหน้าต่าง

บัวขอบหน้าต่างเหมาะกับบ้านแบบไหนบ้าง

บัวขอบหน้าต่างเป็นเส้นตกแต่งที่ “อยู่ตรงกลางระหว่างงานสถาปัตย์กับงานตกแต่งภายใน”
เพราะมันทั้งช่วยกันฝน ป้องกันรอยแตกร้าว และสร้างความสวยให้ตัวบ้าน

แต่ไม่ใช่ทุกสไตล์จะใช้แบบเดียวกันได้ทั้งหมด —
มาดูแนวทางเลือกให้เข้ากับบ้านแต่ละแบบกัน

  • บ้านโมเดิร์น → ใช้บัวขอบหน้าต่างลายเรียบ เส้นบาง สีเดียวกับผนัง จะดูสะอาดตา และเสริมความทันสมัย
  • บ้านมินิมอล → ใช้บัวเส้นเล็ก สีขาวด้านหรือเทาอมขาว เพื่อให้เข้ากับโทนเรียบง่าย
  • บ้านคลาสสิก / ยุโรป → เลือกบัวขอบหน้าต่างที่มีหัวบัวโค้งหรือเส้นซ้อนแบบมีชั้น ดูหรูหรา
  • บ้านไทยร่วมสมัย → ใช้บัวสีครีมหรือเทาอ่อน ลายเรียบ โค้งมนบาง ๆ เพื่อไม่ให้ตัดกับเส้นไม้หรือกระเบื้อง
  • บ้านเมดิเตอร์เรเนียน → ใช้บัวขอบหน้าต่างโค้งร่วมกับหน้าต่างวงกลม สีขาวครีมเพื่อให้ดูอบอุ่นและละมุน

💬 “เส้นเล็ก ๆ ของบัว อาจเป็นเส้นแบ่งระหว่างบ้านธรรมดากับบ้านที่ดูมีดีไซน์”

ข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นเวลา “ติดบัวขอบหน้าต่าง PU”

แม้งานติดตั้งดูเหมือนง่าย แต่ความผิดพลาดเล็กน้อยก็ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ในระยะยาวได้ เช่น

  • ตัดมุมไม่สนิท (45°) → เกิดรอยต่อให้เห็นชัดเมื่อทาสี
  • ใช้กาวผิดประเภท → PU ต้องใช้กาวโพลียูรีเทนหรือกาวซิลิโคนเกรดช่าง ไม่ใช่กาวลาเท็กซ์
  • ติดขณะผนังยังเปียก → ความชื้นทำให้กาวไม่เกาะแน่น
  • ไม่ยิงแม็กเพิ่มความแข็งแรง → ทำให้บัวหลุดในภายหลังโดยเฉพาะภายนอกบ้าน
  • ไม่เก็บรอยต่อด้วยซิลิโคนกันน้ำ → เป็นสาเหตุหลักของคราบน้ำฝน

💡 ถ้าเห็นบัวมีคราบเหลืองใต้ขอบหน้าต่าง แปลว่า “น้ำกำลังย้อนเข้า”
ซึ่งเกิดจากการติดตั้งผิดวิธีตั้งแต่แรก

การเลือกสีบัวขอบหน้าต่างให้เข้ากับผนัง

สีของบัวส่งผลต่อบุคลิกของบ้านโดยตรง
เคล็ดลับง่าย ๆ คือใช้ “หลักความคอนทราสต์ + ความกลมกลืน”

  • ผนังสีอ่อน ใช้บัวสีเข้มขึ้นเล็กน้อย (เช่น ผนังขาว → บัวเทาอ่อน) เพื่อให้เห็นเส้นขอบชัด
  • ผนังสีเข้ม ใช้บัวสีขาวหรือครีม เพื่อเพิ่มมิติและลดความอึดอัด
  • ผนังโทนไม้ ใช้บัวเทาอมขาวหรือครีมอมเทา จะดูหรูและไม่ตัดกันเกินไป
  • ผนังปูนเปลือย ใช้บัวสีเทาด้าน เข้ากับโทนลอฟท์ทันสมัย

💬 สีบัวที่ดีคือสีที่ “อยู่เงียบ ๆ” แต่ช่วยให้ผนังดูสมบูรณ์แบบขึ้น

เทรนด์ดีไซน์ใหม่ของบัวขอบหน้าต่างในปีปัจจุบัน

เทรนด์บ้านปี 2025 กำลังขยับจาก “ความเยอะ” ไปสู่ “ความพอดี”
คิ้วบัวหน้าต่างก็เปลี่ยนไปในทิศทางเดียวกัน

  1. เส้นเรียบแบบบาง (Slim Edge) – เหมาะกับบ้านมินิมอล
  2. ขอบโค้งมน (Soft Curve) – ดูละมุน ลดความแข็งของผนัง
  3. สีขาวด้าน (Matte White) – ให้ความรู้สึกสะอาดตาเหมือนงานโรงแรม
  4. วัสดุ PU สำเร็จรูป – ดัดโค้งได้ ติดตั้งเร็ว ไม่ต้องทาสีรองพื้น
  5. บัวดีไซน์ต่อเนื่องกับบัวพื้นและฝ้า – ช่วยให้บ้านดูกลมกลืนทั้งชุด

สถาปนิกสมัยนี้มักพูดว่า “เส้นที่สวยที่สุด คือเส้นที่ต่อกันอย่างไร้รอยต่อ”
และบัว PU ก็ทำสิ่งนั้นได้ดีมาก

ดูแลบัวขอบหน้าต่างอย่างไรให้อายุใช้งานยาว

  1. เช็ดฝุ่นและคราบน้ำฝนบ้าง โดยเฉพาะขอบล่างที่น้ำมักขัง
  2. อย่าใช้ทินเนอร์หรือน้ำยาแรง ๆ เพราะอาจกัดสี
  3. หลังติดตั้ง 3 ปี ควรตรวจซิลิโคนรอยต่อปีละ 1 ครั้ง ถ้ามีรอยรั่วควรอุดใหม่
  4. ทาสีเคลือบใหม่ ทุก 3-5 ปี ตามงบเเละการใช้งาน เพื่อให้บัวขอบหน้าต่างภายนอกดูสวยอยู่ตลอด

บัวขอบหน้าต่างโค้ง

Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบัวขอบหน้าต่าง

Q: บัวขอบหน้าต่างกันฝนได้ไหม?
A: ได้ เน้นเลือกขนาดหนาและใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม ควรจะตรวจสอบให้ดีก่อนว่า ปัญหาเรื่องน้ำมาจากสาเหตุใด เพื่อแก้ปัญหาให้ถูกจุด เช่น
1 น้ำซึมจากกำแพงที่มีรอยร้าวหรือไม่ อาจต้องโป๊วฉาบ ทากันซึม ทำสีใหม่ ?
2  ซึมจากขอบวงกบหน้าต่าง ดูเรื่องการติดตั้ง รอยต่อ ยิงซิลิโคนใหม่ ?
3 สาดหรือไหลจากผิวผนังเข้าขอบหน้าต่าง ? ติดบัวเพื่อกันน้ำไหลย้อน ?

Q: ต้องติดก่อนหรือหลังทาสี?
A: ทำได้ทั้งสองวิธี แต่ทั่วไปควรติดก่อน แล้วจึงเก็บรอยต่อและทาสีทับให้เนียนไปกับผนัง

Q: วัสดุ PU โพลียูรีเทน ใช้ภายนอกได้ไหม?
A: ใช้ได้ ทดสอบแช่น้ำเป็นเดือน วัสดุไม่บวม และในประเทศไทยติดตั้งแล้วนาน 9-10 ปี ยังไม่พบว่ามีลักษณะกรอบแตกหรือเปื่อยยุ่ยจากแดด

บัวขอบหน้าต่าง คือ “รายละเอียดที่บอกสไตล์รสนิยมของผู้อาศัย”
บ้านที่ติดบัวขอบหน้าต่างมักดูแพง สวยเเล้วยังช่วยเก็บรายละเอียดงานได้จบออกมาดูดีอีกด้วย
สนใจงานบัวหน้าต่างสวยๆ คลิกที่นี่เพื่อดูบทความเกี่ยวกับ > บัวหน้าต่าง